EAED3124 กลุ่ม101
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
วัน พฤหัสบดี ที่ 19 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เวลาเรียน 08:30-12:20 น. ห้องเรียน 224
คุณครูผู้สอน อาจารย์กฤณ แจ่มถิ่น
การเรียนครั้งนี้ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
-เด็กทุกคนสอนได้-
1.เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
2.เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
•เทคนิคการใช้แรงเสริม
-แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่-
1.ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
2.มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที
3.หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป
1.ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
2.มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที
3.หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป
-วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่-
1.ตอบสนองด้วยวาจา
2.การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
3.พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
4.สัมผัสทางกาย
5.ให้ความช่วยเหลือ , ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
-หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย-
1.ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
2.ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์
3.ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
-การแนะนำหรือบอกบท (prompting)-
1.ย่อยงาน
2.ลำดับความยากง่ายของงาน
3.การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
4.การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
-ขั้นตอนการให้แรงเสริม-
1.สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
2.วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
3.สอนจากง่ายไปยาก
4.ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
5.ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
6.ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
7.ทีละขั้น ไม่เร่งรัด “ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น”
8.ไม่ดุหรือตี
1.สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
2.วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น
3.สอนจากง่ายไปยาก
4.ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
5.ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวไปขั้นต่อไป
6.ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
7.ทีละขั้น ไม่เร่งรัด “ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น”
8.ไม่ดุหรือตี
การกำหนดเวลา
•จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
-ความต่อเนื่อง-
1.พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆ หลายๆอย่างรวมกัน
- เช่น การเข้าห้องน้ำ การนอนพักผ่อน การหยิบและเก็บของ การกลับบ้าน
- สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย้อนมาจากข้างหลัง
2.เด็กตักซุป
2.1การจับช้อน
2.2การตัก
2.3การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
2.4การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หกรดคาง
2.5การเอาซุปออกจากช้อนเข้าสู้ปาก
-การลดหรือหยุดแรงเสริม-
1.ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
2.ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
3.เอาอุปกรณ์หรือขอเล่นออกไปจากเด็ก
4.เอาเด็กออกจากการเล่น
การสอนเด็ก
(ความเป็นครูต้องมีความคงส้นคงวา)
"""""""""""""""""""""""ต่อ""""""""""""""""""""""""
•เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
•การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
กิจกรรมการเล่น
1.การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
2.เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
3.ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
ยุทธศาสตร์การสอน
1.เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
2.ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
3.จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
4.ครูจดบันทึก
5.ทำแผน IEP
การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
(เด็กพิเศษชอบเรียนแบบ"เพื่อน")
1.วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
2.คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
3.ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
4.เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ
2.คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
3.ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
4.เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ
ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
1.อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
2.ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
3.ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
4.เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น(ค่อยๆเพิ่มอุปกรณ์เด็กทีละชิ้น เพื่อความดึงดูดความสนใจของเด็ก)
1.อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
2.ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
3.ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
4.เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น(ค่อยๆเพิ่มอุปกรณ์เด็กทีละชิ้น เพื่อความดึงดูดความสนใจของเด็ก)
5.ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
•ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
•ทำโดย “การพูดนำของครู”
•ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
•ทำโดย “การพูดนำของครู”
ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
1.ไม่ให้ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ(สร้างข้อตกลงกับกฏเกณฑ์ในการเล่น)
2.การให้โอกาสเด็ก
3.เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
4.ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
1.ไม่ให้ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ(สร้างข้อตกลงกับกฏเกณฑ์ในการเล่น)
2.การให้โอกาสเด็ก
3.เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
4.ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
เข้าสู่กิจกรรม
กิจกรรม"เส้น"และ"จุด"(เป็นศิลปะดนตรีบำบัด)
อุปกรณ์
1.กระดาษเปล่า
2.สีเทียน หรือ ดินสอสีต่างๆ
3.เสียงดนตรีเพลง(ไม่มีเนื้อร้อง)
วิธีการบำบัด
1.ให้เด็กจับคู่กับเพื่อน
2.แจกกระดาษและสีคนละ 1แท่ง
3.ให้เด็กๆเลือก
3.1.ใครจะลากเส้นตามเสียงดนตรี(โดยไม่ยกมือขึ้นจนกว่าเสียงดนตรีจะหายไป)
3.2.ใครจะระบายสีตามวงกลม ที่เพื่อนลากเส้นไปมาจดเป็นวงกลม (ดังรูป)
ส่งท้ายคาบเรียนด้วยบทเพลง
เพลงดวงอาทิตย์
การนำไปประยุกต์ใช้
(( - การสอนแบบบรรยายเนื้อหา เล่าประสบการณ์ได้ชัดเจนและจิตนาการได้ดี
- การสังเกตเด็กแต่ละบุคคล โดยจดบันทึกเรื่องราวเหตุการณืตอนนั้นเลย เพื่อเนื้อความจะไม่ผิดไปจากเดิม
- การเสริมแรงเด็กโดยการ กระตุ้นด้วยสิ่งของหรือสิ่งที่เด็กสนใจ
- คุณครูต้องเป็นสื่อในการเชื่อมโยงเด็กเข้าด้วยกัน "การเข้าสังคม" ))
- การสังเกตเด็กแต่ละบุคคล โดยจดบันทึกเรื่องราวเหตุการณืตอนนั้นเลย เพื่อเนื้อความจะไม่ผิดไปจากเดิม
- การเสริมแรงเด็กโดยการ กระตุ้นด้วยสิ่งของหรือสิ่งที่เด็กสนใจ
- คุณครูต้องเป็นสื่อในการเชื่อมโยงเด็กเข้าด้วยกัน "การเข้าสังคม" ))
การประเมินในชั้นเรียน
((ตนเอง)) - วันนี้มีความพร้อมในการเรียนปริ้นเอกสารมาเรียน
- และเข้าเรียนก่อนเวลาแต่งกายเรียบร้อย
- น่ารักสดใสมีความพร้อมที่จะเรียนในครั้งนี้
((เพื่อน)) - เพื่อนๆพร้อมใจกันมาเรียนเช้า
- ยิ้มแย้มแจ่นใส
- ตั้งใจทำกิจกรรม
((อาจารย์ผู้สอน)) - มีความพร้อมในการสอน
- น่ารักสดใส่
- มีกิจกรรมมาให้ทำอย่างหน้าสนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น